สนามหญ้าเป็นพื้นที่สีเขียวที่ในบ้านไม่ควรขาด ไม่ว่าจะใช้พื้นที่มากหรือน้อยก็ตาม เพราะนอกจากจะเป็นจุดสำหรับพักผ่อนหย่อนใจแล้ว ยังช่วยลดความร้อนและลดฝุ่นละอองได้อีกด้วย ดังนั้นการดูแลสนามหญ้าหน้าบ้านให้สวยอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
วิธีดูแลสนามหญ้าหน้าบ้านให้สวยงามอยู่เสมอ
เลือกหญ้าที่เหมาะสม
หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยในสนามหญ้าก็คือการใช้หญ้าที่ไม่เหมาะสมกับพื้นที่นั้น ๆ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ
สภาพภูมิอากาศ เนื่องจากหญ้าหลาย ๆ ชนิดไม่ทนต่ออากาศร้อนหรืออากาศเย็นจัด หรือไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่เปียกหรือแห้งเกินไป
ปริมาณแสงอาทิตย์ หญ้าส่วนใหญ่ต้องการแสงอาทิตย์เพื่อความเขียวชอุ่ม ฉะนั้นหากพื้นที่สวนของเราอยู่ในจุดที่ได้รับแสงน้อย ควรเลือกหญ้าชนิดที่ไม่ต้องการแสงมากนัก
ความแข็งแรงทนทานของหญ้า หากสนามหญ้าเป็นพื้นที่ที่ต้องเดินผ่านสัญจรบ่อย ๆ หรือเข้าไปใช้งานเดินเล่น วิ่งเล่นเป็นประจำ ควรเลือกหญ้าที่มีความแข็งแรงทนทานต่อการเหยียบย่ำ เช่น หญ้าเบอร์มิวด้า
รู้จักหญ้าแต่ละชนิดที่ใช้ในการทำสวนสนามหญ้า
หญ้าเบอร์มิวด้า : หญ้าเบอร์มิวด้า มีความแข็งแรงมาก ทนต่อการเหยียบย่ำและฟื้นคืนตัวได้เร็ว อีกทั้งยังทนต่อความร้อน ความแห้งแล้งได้เป็นเวลานาน หรือแม้จะเกิดน้ำท่วมขังบริเวณที่ปลูกหญ้าก็ยังสามารถทนได้เช่นกัน
หญ้าญี่ปุ่น : หญ้าญี่ปุ่น มีสองชนิดคือ แบบใบกว้างและใบกลม แต่นิยมนำชนิดใบกลมมาปลูกเป็นสนามหญ้าเนื่องจากใบเล็กแข็งแรง ทนต่อการเหยียบย่ำ ชอบแดดจัด แต่ตัดตกแต่งค่อนข้างลำบาก
หญ้านวลน้อย : หญ้านวลน้อยเป็นหญ้าที่ชอบแดดจัด ทนต่อการเหยียบย่ำได้ดีกว่าหญ้าชนิดอื่น ๆ สามารถขึ้นได้ดีกับดินเกือบทุกชนิด เพราะดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องใส่ใจมากนัก จึงเป็นที่นิยมนำมาปลูกเป็นสนามหญ้า
หญ้ามาเลเซีย : หญ้ามาเลเซีย ไม่ทนต่อการเหยียบย่ำ ชอบแดดร่ม และชอบน้ำมาก ดังนั้นสามารถปลูกได้ในพื้นที่ที่ไม่โดนแดดจัด
ปรับปรุงดูแลดิน
สนามหญ้าส่วนใหญ่ได้รับน้ำและสารอาหารจากในดิน ดังนั้นคุณภาพดินจะเป็นตัวกำหนดคุณภาพของสนามหญ้า ดินในสนามของเราดีหรือไม่ ทดสอบง่าย ๆ ลองใช่พลั่วขุดดินลงไปประมาณ 4 นิ้ว แล้วดูทั้งหน้าดินแล้วใต้ดินหากดินร่วนนุ่ม มีแผ่นหญ้าที่แข็งแรง และอาจมีหนอนบ้าง นั่นแสดงว่าสนามหญ้าแข็งแรงดี แต่ถ้าหญ้าบริเวณผิวดินแห้งหรือถูกบีบอัด รากอ่อนแอและตื้น มีการสะสมของรากที่ตายแล้ว แสดงว่าดินเสื่อมโทรมแล้ว การฟื้นฟูดินที่ดีที่สุดควรใช้ปุ๋ยออร์แกนิกในการบำรุงดิน รวมถึงเลี้ยงไส้เดือนไว้ใต้ดินเพื่อเปิดทางดินให้ได้รับสารอาหารได้อย่างสะดวก
ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยออร์แกนิก
ปุ๋ยออร์แกนิกมีจุลินทรีย์เยอะ มีแร่ธาตุที่สำคัญต่อพืช และช่วยทำให้ดินแข็งแรง อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารเคมีส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ คน และสัตว์
ตัดหญ้าอย่างเหมาะสม
ตัดหญ้าทีละน้อยดีกว่าปล่อยให้หญ้ายาวแล้วค่อยตัด ยิ่งมีใบมากเท่าไหร่ก็จะมีอาหารสำรองเก็บไว้ที่ระบบราก ฉะนั้น หากตัดหญ้ามาก ๆ ในครั้งเดียวจะทำให้อาหารสำรองเหล่านั้นหมดเร็ว ส่งผลให้ระบบรากอ่อนแอไม่สามารถสู้ต่อวัชพืชได้ ที่สำคัญอย่าตัดหญ้าสั้นกว่า 2 นิ้ว เพื่อความทนทานต่อความแห้งแล้งและเพื่อช่วยกำจัดเมล็ดวัชพืช ควรรักษาสภาพของหญ้าให้มีความสูงอยู่ประมาณ 2 นิ้วครึ่งถึง 3 นิ้ว นอกจากนี้ควรใช้ใบมีดที่คมในการตัดหญ้า และไม่ควรตัดหญ้าระหว่างที่อากาศร้อนจัด
รดน้ำอย่างเหมาะสม
ปริมาณน้ำในการรดขึ้นอยู่กับชนิดของหญ้าและดิน เช่นต้องดูว่าหญ้าที่ใช้ชอบน้ำมากหรือน้อย ชนิดของดินหากเป็นดินทรายน้ำจะดูดซึมเร็ว แต่ถ้าเป็นดินเหนียวจะเก็บความชื้นนาน ควรรดน้ำในช่วงเช้า อย่ารดน้ำระหว่างแดดจัด และต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้หลังจากรดน้ำแล้วไม่ควรลงไปเดินเหยียบขณะหญ้าเปียก
กำจัดวัชพืชและแมลง
วัชพืชจะปิดกั้นอากาศและสารอาหารที่เข้าไปสู่รากของหญ้าทำให้ขัดขวางการเจริญเติบโต โดยวัชพืชอาจติดมาจากนกที่บินผ่าน สัตว์เลี้ยงที่มาวิ่งเล่นบนสนามหญ้า หรือแม้แต่เสื้อผ้า รองเท้าของเราเองก็ตาม ดังนั้นต้องถอนรากถอนโคนวัชพืชออกให้หมด หากมีเยอะจนจำเป็นต้องใช้ยากำจัดวัชพืช ควรเลือกใช้ยากำจัดวัชพืชรวมถึงยากำจัดแมลงสูตรออร์แกนิก
วัชพืชเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าดินมีปัญหาดังนี้
ตะไคร่น้ำ (มอส) บ่งบอกว่าดินที่มีความเป็นกรดและดินไม่อุดมสมบูรณ์
หญ้าแห้วหมู บ่งบอกว่าดินเปียกเกินไปและมีการระบายน้ำไม่ดี
หญ้าปล้องข้าวนก บ่งบอกว่าดินไม่แน่นและสุขภาพดินไม่ดี ซึ่งเกิดจากอาจตัดหญ้าต่ำเกินไปทำให้เมล็ดวัชพืชใหม่ๆ จะงอกขึ้นมา
ดอกวัชพืชแดนดิไลออน บ่งบอกว่าดินขาดโพแทสเซียม
สำหรับในช่วงฤดูฝน ที่อาจมีน้ำสะสมบนสนามหญ้า มาเพิ่มความใส่ใจดูแลสนามหญ้ากันอีกสักนิด ดังนี้
1. หลีกเลี่ยงการเดินบนสนามหญ้า เพราะอาจทำให้รากของหญ้าเสียหายได้ง่าย ควรเดินบนสนามหญ้าเมื่อพื้นแห้ง
2. ตัดหญ้าให้บ่อยขึ้น ฝนตกมากยิ่งทำให้หญ้าโตเร็ว จึงต้องตัดหญ้าบ่อยขึ้น
3. ใส่ปุ๋ยก่อนฝนตกหนึ่งชั่วโมง ปุ๋ยจะได้ผลก็เมื่อมันซึมซาบผ่านเข้าไปที่บริเวณราก ซึ่งฝนสามารถช่วยได้ดี ดังนั้นการใส่ปุ๋ยก่อนฝนตกจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด แต่บางครั้งเราก็เดาสภาพอากาศไม่ได้ หากฝนไม่ตกก็เปิดหัวฉีดน้ำหลังใส่ปุ๋ยก็ได้
4. ตัดหญ้าก่อนฝนตกหรือหลักฝนตกสองสามวัน การตัดหญ้าในช่วงหญ้าแห้งจะดีที่สุด เพราะง่ายต่อการกะความสูงในการตัดหญ้า เนื่องจากหญ้าแห้งจะไม่เกาะตัวกันเป็นกลุ่ม
5. หากมีน้ำท่วมขังสนามหญ้า แสดงว่าอาจมีเศษตะกอนหรือขยะอุดตัน สวมถุงมือและรองเท้าบูทกันน้ำออกไปเก็บกวาดซากตะกอนหรือขยะนั้น
----------------------------------------
Mana Patanakarn
Designing Life's Foundation "มองรอบด้าน เพื่อชีวิต"
www.manapat.co.th
#มานะพัฒนาการ
#ManaPatanakarn
#DesigningLifesFoundation